ท่ามกลางภาวะตลาดสมาร์ทโฟนที่ออกจะอิ่มตัว Huawei ยังคงสามารถสร้างไม่เหมือนกันของตนได้มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จากกระบวนการทำสมาร์ทโฟนที่ได้คะแนนรีวิวชั้น 1 บน DxOMark มาผ่านปีกับ P20 ก่อนที่จะปีนี้จะกลับมาอีกทีในปีนี้ด้วยจุดขายเรื่องกล้องถ่ายภาพอาทิเช่นเดิมรวมทั้งดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยกับ P30 Series
ในปัจจุบันนี้รูปลักษณ์โดยรวมของ P30 Pro เกือบจะสมบูณณ์แบบในหลายๆด้าน พูดได้ว่าเมื่อพิเคราะห์ร่วมกับโปรโมชั่นของค่ายโทรศัพท์มือถือต่างๆแล้ว นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าดึงดูดไม่น้อยตัวหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ
ขอบคุณภาพจาก
www. blognone.com
ตัวเครื่อง
การออกแบบตัวเครื่องของ Huawei P30 Pro จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับ Mate 20 Pro ตรงที่ขอบหน้าจอทั้งสองข้างมีความโค้งตรงมุม โดยจอของ P30 Pro เป็น OLED ขนาด 6.47 นิ้ว ซึ่งใช้พื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด ความละเอียด FHD+ กล้องถ่ายรูปหน้าเป็นแบบหยดน้ำ
จุดแข็งเรื่องออกแบบตัวเครื่องของ P30 Series อยู่ที่ฝาด้านหลัง เพราะจะไม่เหมือนกับแบบก่อนหน้านี้ แต่ว่าเป็นการไล่เฉดสีโดยใช้ Optical Color แล้วก็ฉาบผิวนาโน 9 ชั้น โดยเครื่องที่ได้มาเป็นสี Breathing Crystal โทนสีฟ้า/สีน้ำเงิน ถ้าดูบางมุมก็จะได้สีออกสีน้ำเงิน ถ้าหากดูอีกมุมก็จะได้สีฟ้าอ่อน หรืออีกมุมก็จะได้สีฟ้าแบบน้ำทะเล ส่วนที่สำคัญเป็นฝาข้างหลังรองรับ Reverse Charging ด้วย
ขอบคุณภาพจาก
www. blognone.com
ส่วนด้านล่างของเครื่องเป็นถาดใส่ซิม และพอร์ทชาร์จสามารถรองรับไฟ 40W แล้วก็ลำโพงข้างล่าง
ขอบคุณภาพจาก
www. blognone.com
ขอบคุณภาพจาก
www. blognone.com
หน้าจอที่มากกว่าการแสดงผล
เนื่องจากว่าจอของ P30 Pro ใช้พื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด จึงทำให้การแสดงมีผลกระทบในด้านที่เสียงเวลาโทรศัพท์ Huawei เปลี่ยนแปลงจากลำโพงเป็นการสั่นผ่านหน้าหน้าจอแทนด้วยเทคโนโลยี Acoustic Display Technology ซึ่งจากการใช้งานจริงประสิทธิภาพเสียงออกจะเสียงดังฟังชัดดี
ภาพจาก Huawei Mobile
Huawei P30 Pro ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายพิมพ์นิ้วมือใต้จอด้วย ซึ่งเรื่องสมรรถนะการใช้แรงงานบางทีก็อาจจะยังไม่มีความแตกต่างจากเจ้าอื่นๆในตลาดขณะนี้เท่าไรนัก เป็นจะต้องกดค้างไว้ประมาณเสี้ยววินาที จอถึงจะปลดล็อคให้
ขอบคุณภาพจาก
www. blognone.com
ที่สุดของกล้องถ่ายรูปข้างหลังบนสมาร์ทโฟน
Huawei ได้พัฒนาเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพจาก RGGB เป็น RYYB ซึ่งแปลงจากเซ็นเซอร์รับสีเขียว (G) เป็นเหลือง (Y) ซึ่ง Huawei แล้วก็ Leica บอกเหตุผลว่าสีเหลืองสามารถรับสเปคตรัมแสงสว่างได้มากกว่าประมาณ40%
กล้องถ่ายภาพด้านหลังของ Huawei P30 Pro เรียงกัน 3 ตัว ตั้งแต่ว่าเลนส์ Ultra Wide ความกว้าง 120 องศา ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, กล้องถ่ายภาพหลัก 40 ล้านพิกเซล, รวมทั้งเลนส์ซูมออพติคัล x5 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับ OIS ในตัว รวมทั้งกล้องถ่ายภาพ ToF 3D สำหรับวัดระยะลึก
ขอบคุณภาพจาก
www. blognone.com
กล้องด้านหลัง 3 ตัวก็ไม่ได้ยื่น หรือนูนออกมามากนัก
ขอบคุณภาพจาก
www. blognone.com
เลนส์ไวด์
โหมด Night Shot
)
เลนส์ไวด์
x1
x10
x50
โหมดซูม
Wide
x1
x5
x10
x50
โหมดมาโคร
โหมดออโต้
โหมด portrait
เนื่องจากว่ากล้องถ่ายรูปมี AI ในตัว ทำให้แม้พวกเราเปิดโหมดออโต้แล้วแบบข้างหลังกล้องถ่ายภาพเป็นคน กล้องถ่ายรูปจะเสนอแนะโหมด portrait มาให้ ซึ่งการตัดขอบและเบลอข้างหลังของ P30 Pro ที่ดูค่อนข้างจะเนียนและก็เป็นธรรมชาติมากๆ ซึ่งคงจะเป็นผลมาจากการใช้กล้องถ่ายภาพ ToF เป็นตัวช่วยแยกวัตถุกับเบื้องหลัง
ที่แท้ลูกเล่นเด็ดๆของ Huawei P30 Pro จะค่อนไปทางสำหรับโปรหรือเซมิโปรมากยิ่งกว่า รวมทั้งบางทีอาจจำเป็นต้องใช้ขาตั้งช่วยด้วย อย่างโหมดโปรซึ่งสามารถเปิด ISO ได้ถึง 409600 ซึ่งเหมาะสมกับการถ่ายกาแลคซี่ทางช้างเผือกหรือที่มืดจัดๆแล้วต้องการเล่นกับแสงสว่าง หรือโหมด Light Painting ที่เอาไปถ่ายน้ำตกแล้วออกมาเป็นสายได้ด้วย
แบตเตอรี่
Huawei P30 Pro ให้แบตเตอรี่มาจุใจถึง 4,200mAh มากกว่าพอเพียงต่อการใช้แรงงานตลอดวัน แถมที่ชาร์จจ่ายไฟฟ้า 40W ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ได้แบตเตอรี่มา 65-70% แล้ว โดย P30 Pro รองรับการชาร์จไร้สายด้วยกำลังไฟ 15W รวมทั้งมีฟีเจอร์ Reverse Wireless Charging แบบ Galaxy S10 ด้วยเหมือนกัน
สรุป
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์ที่สุดในปีนี้ในทุกๆด้าน ระหว่างที่ด้านกล้องถ่ายภาพนับว่าก้าวกระโจนไปจากคู่แข่งในหลายๆแง่ แม้กระนั้นหลายๆโหมดบางครั้งก็อาจจะไม่ค่อยได้ใช้งานจริงมากสักเท่าไรนัก อาทิเช่น ซูม x50 ที่บางทีอาจจำต้องใช้ขาตั้งช่วย ฯลฯ ซึ่งเอาที่แท้ก็แอบคิดว่าปัญหาของเรือธงปีถัดไป (หรือแม้กระทั้ง Mate ปลายปี) ก็คงจะยากขึ้นไปอีกสำหรับเพื่อการสร้างความไม่เหมือนให้กับตัวสมาร์ทโฟน
ภาพจาก
Huawei
www.blognone.com